Skip to main content
AdSense

รวม 6 โรงแรมบูติกย้อนวันวานในกรุงเทพฯ

ควรไปลองพักดูสักครั้ง

รวม 6 โรงแรมบูติกย้อนวันวานในกรุงเทพฯ
June 28, 2017 Bangkok time
ใจกลางเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครมีโรงแรมหรูระดับห้าดาวอยู่เยอะแยะไป แต่ส่วนตัวแล้วเราชอบการได้พักในโรงแรมบูติกเล็กๆ มากกว่า ไม่ว่าจะในเมืองไทยหรือต่างประเทศ เพราะเครือโรงแรมระดับโลกนั้นมักจะไม่ได้แสดงให้เราได้เห็นคาแร็คเตอร์ของตัวเมืองที่เราไปขนาดนั้น
 
แถมเวลาต้องมาเข้าพักพร้อมๆ กับคนเป็นร้อยก็มักจะรู้สึกไม่ค่อยมีความส่วนตัว วันนี้เราเลยถือโอกาสมาแนะนำโรงแรมบูติกสไตล์วินเทจในเมืองหลวงของเราบ้าง เหมาะสำหรับแนะนำให้เพื่อนต่างชาติ หรือจะหนีไปอยู่เองเลยก็ยิ่งดี

บ้านพระนนท์

 
 
สำหรับใครที่กำลังอยากหนีความวุ่นวายของเมืองหลวงโดยที่ไม่อยากเดินทางไปไหนไกล เราแนะนำให้ลองไปพักที่โรงแรม bed & breakfast เล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในย่านสุรศักดิ์แห่งนี้ บ้านพระนนท์อยู่คู่กรุงเทพฯ มานานกว่า 70 ปีแล้ว
 
เดิมทีที่นี่เคยเป็นบ้านของผู้พิพากษาคุณพระนนทปัญญษา มกรานนท์ ถูกออกแบบมาในสไตล์ไทย-โคโลเนียล ในอาคารที่เน้นโทนสีเหลือง ซึ่งน่าจะคุ้นเคยกันมาบ้างเพราะเป็นดีไซน์ที่เป็นที่นิยมมากในช่วงรัชกาลที่ 5
 
 
เดินผ่านประตูเหล็กสีดำเข้ามาก็จะพบกับบ้านสีเหลืองที่ล้อมรอบไปด้วยสวนสวยร่มรื่นสบายตา มีทั้งสระบัวเล็กๆ น้ำพุ และที่นั่งเล่นสำหรับแขกที่มาพักที่โรงแรม ซึ่งแตกต่างจากบรรยากาศนอกรั้วอย่างสิ้นเชิง ด้านในจะเป็นผนังสีเขียวอ่อน ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้โทนสีน้ำตาลเข้ม อีกทั้งยังมีของตกแต่งสุดเรโทรที่ให้ความรู้สึกขลังอยู่ไม่น้อย และมีสระว่ายน้ำเล็กๆสำหรับคนที่อยากคลายร้อน
 
ส่วนในห้องนั่งเล่นก็มีลูกเล่นเล็กน้อย เช่น book exchange program สนใจหนังสือเล่มไหนในตู้หนังสือก็สามารถนำหนังสือของตัวเองมาแลกได้เลย บ้านพระนนท์ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นประจำปี 2553 อีกด้วยนะ
 
 
In the area ถ้าอยากหาอะไรทำแถวนี้ มีทั้งบาร์ฮิปๆ อย่าง Jam ที่จัดอีเวนต์อยู่เรื่อยๆ (เบอร์เกอร์เวจจี้ที่นี่อร่อยดี) ส่วนสายนักชิมก็คงไม่อยากพลาดซาลาเปาไส้ไหลยอดนิยมที่ห้องอาหาร Chef Man แห่งโรงแรม Eastin Grande Sathorn 
 
ราคาเริ่มต้นที่ 2,900 บาท/คืน แต่ถ้าจองห้องพักล่วงหน้าจะมีโปรโมชั่นสำหรับ 2 คืนขึ้นไป
 
18/1 ถ.เจริญราษฎร์  BTS สุรศักดิ์  โทร. 02-212-2242

บ้านนพวงศ์

 
 
ก่อสร้างในช่วงช่วงรัชกาลที่ 7 ปลายปีพ.ศ. 2488 บ้านสไตล์โคโลเนียลกลางเกาะรัตนโกสินทร์แห่งนี้เคยเป็นที่พักพิงของตระกูลนพวงศ์ ณ อยุธยา ซึ่งพอมาถึงรุ่นหลานก็ได้มีการหันมาอนุรักษ์บ้านหลังนี้ไว้ ด้วยความตั้งในที่จะเผยแพร่สถาปัตยกรรมแบบยุโรปในสมัยก่อน รวมทั้งนำเสนอวัฒนธรรมและวิถีความเป็นอยู่แบบไทยแท้ให้กับชาวต่างชาติ ก่อนเข้าบ้านก็อย่าลืมถอดรองเท้าด้วยล่ะ
 
ถึงแม้ว่าเราไม่ใช่นักท่องเที่ยวแต่เราเชื่อว่าหลายคนต้องอยากไปพักที่นี่สักครั้ง เพราะนอกจากจะเป็นบ้านของตระกูลราชวงศ์จริงๆ แล้ว การตกแต่งภายในก็ละเอียดอ่อนมาก มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับตกแต่งบ้านจากสมัยศตวรรษที่ 19 พื้นทำจากไม้สัก และยังคงเอกลักษณ์ของบานประตูและหน้าต่างไว้ไม่มีผิดเพี้ยน 
 
 
ที่บ้านนพวงศ์มีห้องทั้งหมดเพียง 7 ห้องเท่านั้น แต่ทุกห้องจะเป็นสวีทที่มาพร้อมกับอ่างอาบน้ำจากุซซี ตกแต่งตามธีมอัญมณีนพเก้า โดยที่ล็อบบี้จะเป็นธีมเพชร
 
ในบริเวณบ้านนพวงศ์นั้นมีความร่มรื่นจากสวนหย่อม ไว้สู้กับอากาศร้อนๆ ของกรุงเทพฯ สามารถไปนั่งจิบชายามบ่ายได้สำหรับคนที่ชอบนั่งกลางแจ้ง และด้วยการบริการระดับโรงแรมห้าดาว จึงทำให้ที่พักแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกไว้ทดแทนโรงแรมเชนทั้งหลาย
 
 
In the area สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับเกาะรัตนโกสินทร์ บ้านนพวงศ์ตั้งอยู่ในพื้นที่ๆ เหมาะสำหรับทัวร์ถนนราชดำเนินมาก เราแนะนำให้ลองแวะไปปีนวัดภูเขาทอง เข้าชมนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ และอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย รับรองว่าอินกับธีมย้อนยุคแน่นอน ส่วนคนรักเสียงเพลงก็สามารถแวะไปร้านแผ่นเสียงต้นฉบับ และหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนินได้ด้วย
 
ราคาเริ่มต้นที่ 2,500-4,900 บาท/คืน (พ.ย.-เม.ย.) และ 2,000-4,400 บาท (พ.ค.-ต.ค.)
 
112-114 ซ. ดำเนินกลางใต้ ถ. ราชดำเนิน 02-224-1047 www.baannoppawong.com

Samsen 5 Lodge

 
 
ถึงแม้จะตั้งอยู่ในย่านพระนครเหมือนกัน แต่ถือว่าบ้านสไตล์ไทยหลังนี้มาในคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างจากที่อื่นอยู่ไม่น้อย เนื่องจากคุณวรพันธุ์ คล้ามไพบูลย์ มีความตั้งใจที่จะสร้างที่พักที่อยู่แล้วเย็นสบายโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องปรับอากาศ จึงมีการออกแบบที่พิเศษ
 
เริ่มตั้งแต่การวางแปลนแบบคลาสสิก แต่ละห้องจะต้องเปิดรับลมและแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีพื้นที่สีเขียวล้อมรอบโรงแรมและระหว่างห้องพักอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมสีเขียวจริงๆ
 
 
เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างจำกัด Samsen 5 Lodge จึงประกอบไปด้วย 3 ห้องพักเท่านั้น แต่ละห้องจะมีการตกแต่งสไตล์ไทยและเอเชียที่แตกต่างกันไป มีลูกเล่นตรงการนำของเก่ามาตกแต่ง อาทิ เสาเตียงวินเทจ จานเซรามิกจีน และประตูบานพับแบบโบราณ
 
นอกเหนือจากนี้ยังมีบริเวณรับประทานอาหารกลางแจ้ง ห้องอ่านหนังสือ ห้องแกลลอรี่ และสตูดิโอสำหรับศิลปินและสถาปนิกอีกด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทุกอย่างจริงๆ
 
 
In the area เราค่อนข้างมั่นใจว่าถนนเส้นนี้เหมาะกับชาวมังสวิรัติ หรือคนที่ชอบอาหารมังแบบเราชัวร์ เพราะมีทั้งร้านดังๆ อย่างร้านทำนา hometaurant และหมายขายดี ใครสนใจประวัติศาสตร์ก็สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ในวันเสาร์โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า พอพลบค่ำก็จิบไวน์ดูหนังชิวๆ กับเพื่อนที่ Cinema Winehouse หรือจะไปฟังเพลงสดแนวบลูส์ที่ Adhere 13th Blues ก็เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากในกรุงเทพฯ เหมือนกันนะ
 
ราคาห้องเริ่มต้นที่ 1,200-2,000บาท/คืน ทางโรงแรมยังมีบริการอาหารเซ็ตอาหารเช้าเสิร์ฟพร้อมผลไม้สด และแบบมังสวิรัติอีกด้วย   
 
58/1 ซ. สามเสน 5 ถ. สามเสน โทร. 089-696-9896 samsen5lodgebangkok.com/

บ้านดินสอ

 
 
แค่ขึ้นชื่อว่าเป็นโฮสเทล ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นหอพักสไตล์มินิมอลเสมอไปนะ ซ่อนอยู่ภายในตรอกศิลป์ คือ บ้านไม้สักทองสไตล์โคโลเนียลสองชั้นแห่งนี้ ก่อสร้างขึ้นเมื่อ 90 ที่แล้ว และเป็นโฮสเตลบูติกเล็กๆ ที่ยังคงเอกลักษณ์ไทยยุคโคโลเนียลไว้ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งต้องผ่านการรีโนเวทหนักอยู่ไม่น้อยเพราะโครงสร้างเดิมนั้นเสียหายไปค่อนข้างมาก
 
 
เราค่อนข้างประทับใจกับรายอะเอียดของดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ดูดีมาก มีการใช้พื้นไม้สัก และกระเบื้องว่าวสีน้ำเงินมารีนของอปก. อีกต่างหาก กระเบื้องลานทางเข้าและด้านหน้าบ้านเป็นกระเบื้องโบราณของสินพงศธร กลอนประตูทองเหลืองทั้งหมดก็ยังเป็นกลอนแบบโบราณเป๊ะ
 
ทั้ง 9 ห้องพักจะเป็นห้องยุค ‘50s ผนังยังคงเป็นไม้สักออริจินัล อีกทั้งยังมีการใช้กระจกช่องแสงที่อาจจะไม่ค่อยได้เห็นกันแล้วสมัยนี้ ห้องโถงจะใช้โคมไฟโบราณของตุรกี ส่วนโซนเอาท์ดอร์นั้นได้เปิดเป็นบริเวณรับประทานอาหารเช้าท่ามกลางสวน เลยไม่เป็นที่แปลกใจที่บ้านดินสอจึงมีดีกรีได้รับรางวัล Thailand Boutique Awards 2014-15 ด้วย ที่เราถูกใจที่สุดคงเป็นที่ตั้งของที่พัก เพราะชุมชนตรอกศิลป์นั้นเต็มไปด้วยบ้านอายุกว่า 100 ปีที่ยังคงลักษณะสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี
 
 
In the area  ร้านอาหารไทยชื่อดังอย่างครัวอัปสรนั้นตั้งอยู่ใกล้กับโฮสเทลมาก ซึ่งเราแนะนำว่าพยายามอย่าไปช่วงเที่ยงวันนะ เพราะคิวแน่นยาวเหยียดเหลือเกิน นอกจากนี้ยังมีร้านคาเฟ่ไทยสไตล์จีน เช่น โกปี้ เฮี๊ยไท่กี่ และ มนต์นมสด
 
ราคาห้องเริ่มต้นที่  900 บาท และทางโฮสเทลยังมีแพ็คเกจ “A room with a ride” สำหรับคนที่อยากปั่นทัวร์เกาะรัตนโกสินทร์ตอนกลางคืนระหว่าง 18:00-19:00 น. คนกรุงเทพฯ อย่างเราๆ ยังอยากไปพักเลย
 
113 ตรอกศิลป์ ถ. ดินสอ โทร. 096-565-9795. www.baandinso.com

Old Capital Bike Inn

 
 
เดิมทีที่พักบนถนนพระสุเมรุแห่งนี้เคยใช้ชื่อว่า Old Bangkok Inn ซึ่งได้ส่งต่อกันมาถึง 7 รุ่น ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตอนนี้ได้มีการเพิ่มเติมเปลี่ยนธีมใหม่โดยการใส่ลูกเล่นด้วยจักรยานวินเทจ พร้อมกับบริการเช่าจักรยานฟรีสำหรับลูกค้าที่อยากปั่นทัวร์เกาะรัตนโกสินทร์ ภายในจะมีการตกแต่งคลาสสิคแบบยุค ‘20s เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ และมีการตกแต่งด้วยของเก่าแก่จากต้นตระกูล
 
 
ภายในที่พักแห่งนี้มีห้องทั้งหมด 10 ห้อง แต่ละห้องมีการตกแต่งด้วยภาพวาดบนผนังที่แสดงถึงวิถีความเป็นอยู่สมัยยุคสยามประเทศ (แอบนึกถึงปีนังอยู่เหมือนกัน) อีกอย่างที่น่าสนใจคือการใช้แสงของโรงแรม เพราะเน้นการรับแสงธรรมชาติเช่นกัน เพราะ Old City Bike Inn ก็เป็นโรงแรม “green hotel” อีกที่
 
 
นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนถนนราชดำเนินกลางแล้ว ถนนพระสุเมรุเองยังเป็นแหล่งสโลว์ไลฟ์ที่ดีมาก มีทั้งร้านกาแฟ Dialogue Coffee & Gallery, ร้านหนังสืออินดี้ The Passport Bookshop, แจ๊สบาร์ชื่อดังอย่าง Brown Sugar และถ้าใครสนใจอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนในบรรยากาศชิคๆ ก็สามารถไปที่ Seven Spoons ได้
 
ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 3,190 บาท สำหรับห้อง twin room ส่วนห้อง family suite สามารถพักได้ 4 ท่าน ซึ่งมีทั้งสวนหย่อมส่วนตัว อ่างอาบน้ำแบบโอเพ่นแอร์ เหมาะมากสำหรับนักปั่นที่ถูกใจกับการตกแต่งแบบรัสติคนิดๆ
 
607 ถ. พระสุเมรุ โทร. 02-629-1787 www.oldcapitalbkk.com

เดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก

 
 
โรงแรมเปิดใหม่แถวย่านเทเวศร์แห่งนี้สร้างจากการปรับปรุงเรือนไม้เก่าที่เคยเป็นเรือนพักอาศัยของพระนมทัต พึ่งบุญ ณ อยุธยา พระนมในพระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นโรงแรมบูทีค 38 ห้องในบรรยากาศย้อนยุค
 
 
ด้วยเพราะในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงเป็นอัครมหาศิลปินแห่งสยาม ห้องพักและภายในส่วนต่างๆ ของโรงแรมจึงนำเอา คำกลอน และวรรณคดีต่างๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงพระราชนิพนธ์มาเขียนตกแต่งในห้องต่างๆ ของโรงแรมที่ได้รับการตั้งชื่อตาม มัทนะพาธา บทละครพูดคำฉันท์ 5 องก์ที่ทรงนิพนธ์ขึ้นด้วย 
 
สวนสวยกลางพื้นที่ส่วนกลางของโรงแรมซึ่งปกคลุมด้วยความร่มเขียวครึ้มของต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุนับร้อยปี ตัดขาดจากความวุ่นวายภายนอกเหมือนไมได้อยู่ในกรุงเทพฯ เลย
 
 
ความดีงามคือยังมีร้านอาหารและสปาให้มาหลบพักทานอาหารหรือนวดผ่อนคลายได้ โดยอาหารที่นี่มีทั้งอาหารไทยดั้งเดิมหลากหลาย เช่นข้าวซอย กระทงทอง ไปจนถึงอาหารตะวันตกอย่างสลัดไข่ดาวน้ำ และหมูหมักซอส เหมาะสำหรับมื้อบรันช์ด้วย 
 
 
In the area: เดินเลาะถนนประชาธิปไตยไปจนถึงพระสุเมรุก็จะเจอกับแจ๊สบาร์เยี่ยมๆ อย่าง Brown Sugar ที่ตอนนี้มีเพื่อนใหม่เป็นค็อกเทลบาร์ลับอย่าง Ku Bar ไว้ให้ไปลอง ถ้ามีเวลาวันเสาร์ สามารถไปเข้าชม พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ วังบางขุนพรหม ที่เปิดให้เข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไปในวันเสาร์ก็ได้นะ
 
ราคาเริ่มต้นที่ 2,920 บาทต่อคืน สำหรับห้องมณฑา และ 3,240 บาท สำหรับห้องมัทนี ซูพีเรีย หรือถ้าชอบห้องกว้างก็เลือกห้องโกเวินเนส สวีท ได้เลย เริ่มต้น 4,300 บาท 
 
10,16,16/1,164-172 ซอย เทเวศร์ 2 ถนนกรุงเกษม แโทร. 02-628-5999 เว็บไซต์ www.raweekanlaya.com

 

 

AdSense
AdSense
AdSense