Old is New! ทั้งเก่าและใหม่แต่เก๋ไก๋บนเกาะรัตนโกสินทร์

 

 

ตั้งแต่การเปิดนิทรรศการ “พม่าระยะประชิด” ในเดือนมี.ค. ทางมิวเซียมสยามก็ได้จัดอีเวนต์ และกิจกรรมที่น่าสนใจอยู่ทุกเดือน ไม่ว่าจะเป็นงาน สัมผัส “หุ่นสายพม่า” หรืองานเมียนมาไนท์ที่เพิ่งจัดไปกลางเดือนนี้ สำหรับคนที่ยังไม่ได้มีโอกาสไปพิพิธภัณฑ์แห่งการเรียนรู้ประจำเกาะรัตนโกสินทร์ เราอยากจะบอกว่าวีคเอนด์เป็นโค้งสุดท้ายสำหรับนิทรรศการหมุนเวียนเซ็ตนี้ โดยเป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของคนพม่าในประเทศไทยให้เข้าใจถึงจุดเริ่มต้น กลยุทธ์ในการดำเนินชีวิตและการทำงานในปรเทศไทย เพื่อให้เกิดความเข้าใจในวัฒนธรรมของเพื่อนบ้านเรามากขึ้น

 

 

 

 

---

Make Me Mango

ท่ามกลางพิพิธภัณฑ์ พระราชวังและวัดวาอารามที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมายาวนาน ย่านนี้ก็มีคาเฟ่เก๋ๆ มาเปิดใหม่เช่นกันนะ ใกล้ๆ กับท่าเตียนเลย คือ Make Me Mango คาเฟ่สีเหลืองสุดคิวท์ที่เน้นเมนูมะม่วงนั่นเอง ภายในร้านห้องแถวนั้นอาจจะไซส์กระทัดรัด และเปิดบริการสองชั้น แต่สามารถจัดการกับสเปซได้ดีงามมาก สามารถเลือกได้ว่าอยากนั่งมุมไหน 

 

 

เมนูของหวานได้แก่ Make Me Mango (185 บาท) ซึ่งเป็นชุดข้าวเหนียวมะม่วง เสิร์ฟกับไอศครีมมะม่วง สังขยา และพุดดิ้งมะม่วง ในวันที่อากาศร้อนๆ จะเลือกชุดซันเดย์มะม่วงหรือทุเรียน (165บาท/185บาท) บิงซู (175 บาท) ก็เหมาะเจาะ อาหารคาวง่ายๆ ก็มีให้เลือกนะ อาทิ ผัดไท (135 บาท) ข้าวเหนียวหมูย่างส้มตำ (135 บาท)

---

Elefin

ถ้าเคยแวะไปมิวเซียมสยามก็คงจะคุ้นเคยกับกาแฟของ Elefin อยู่บ้าง ตอนนี้ได้เปิดบริการเป็นคาเฟ่ฝั่งตรงกันข้ามกับวัดโพธิ์แล้วนะ กาแฟของทางร้านจะใช้เมล็ดจากดอยช้าง จังหวัดเชียงร้าย และใช้เครื่องคั่วของ Seattle’s Lighthouse เพื่อให้ได้รสชาติที่นุ่มนวล

 

 

เอสเพรสโซ่ราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท ทางคาเฟ่บริการเสิร์ฟเซ็ตอาหารเช้าด้วยนะ (ราคาระหว่าง 90-185บาท) อาหารทานเล่นสไตล์ไทย (105-140 บาท) ซุป (105-125 บาท) สลัด (125-140 บาท) ก๋วยเตี๋ยวและอาหารจานเดียว (95-160 บาท)  

---

 

 

Err เป็นร้านอาหารที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กๆ ที่คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่รู้จัก จริงๆ แล้วเป็นร้านอาหารของเชฟโบ และ Dylan จาก Bo.Lan ร้านอาหารไทยชื่อดัง แต่ Err นั้นบรรยากาศแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยการตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้น่ารักๆ และโปสเตอร์สไตล์วินเทจเหมือนย้อนยุคกลับไปยุค ‘60s ให้ความรู้สึกเหมือนไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่มีการตกแต่งแบบไทย

 

 

แม้กระทั่งจานอาหารที่ใช้เสิร์ฟก็ดูย้อนวันเวลากลับไปในอดีตตัดกับการนำเสนอของอาหารในรูปแบบร่วมสมัยที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ อาทิ ไส้อั่วแบบเชียงราย (195บาท) ข้าวทอดยำปลาอินทรีย์แม่กลองเค็ม (140บาท) ผักดอกรวมเสียบไม้ (65 บาท) และหนังไก่ทอดน้ำปลากรอบๆ เสิร์ฟกับซอสศรีราชา (150บาท) อีกสิ่งหนึ่งที่เราประทับใจคือเมนูเครื่องดื่มค็อกเทลที่เป็นเอกลักษณ์ใหม่เหมือนใคร เป็นร้านที่เหมาะสำหรับพาเพื่อนต่างชาติมาเที่ยว หรือจะหาโอกาสมาทานอาหารกับที่บ้านก็ดี    

---

 

อีกหนึ่งไอเดียเวิร์กช็อปต้อนรับวันแม่ที่เราถูกใจ คือ เวิร์กช็อปร้อยมาลัยโดย Sugar & Spice ซึ่งครั้งนี้ยกทีมไปจัด ณ ร้านอาหารริมน้ำยอดนิยมอย่างศาลารัตนโกสินทร์ นอกเหนือจากจะได้เรียนรู้ขั้นตอนตั้งแต่พื้นฐานแล้ว ยังมีบริการขนมหวานสำรับไทย ขนมทานเล่นกรุบกริบ น้ำผลไม้ และชุด afternoon tea ด้วยนะ เนื่องจากรอบบ่ายเต็มไปแล้วเรียบร้อย ตอนนี้ทางทีมงานได้จัดเปิดรอบเช้าเวลา 10:30-13:00น. ราคา 2,000บาท/คน รวมอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สนใจสามารถติดต่อทางเพจได้เลย

 

 

ด้วยวิวงามๆ ของวัดแจ้งเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาอันแสนสงบไปยามค่ำคืน ศาลาก็ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ดี ห้องอาหารอาจจะเหมาะกับไปทานเนื่องในโอกาสพิเศษมากกว่า แต่เราว่ารูฟท็อปบาร์นั้นยังสามารถไปนั่งเล่นได้โดยค่าเสียหายไม่รุนแรงเกินไป แอบได้ยินมาว่าในช่วงวันแม่จะมีเซอร์ไพรซ์พิเศษสำหรับแขกที่เข้าพักด้วยนะ

---

 

ท่ามหาราชไม่ใช่คอมมูนิตี้มอลล์ที่ใหม่ที่สุด แต่บอกเลยว่าเป็นสถานที่พิเศษที่ไม่เหมือนที่ไหนในกรุงเทพฯ และยังนำร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านหนังสือน่าไปมาฝั่งพระนครให้พวกเราอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Peppina, Gram, Amatissimo หรือฟู้ดทรักเด็ดๆ อย่าง Mother Trucker และ Hotto Bun มาอยู่บริเวณสุดชิลริมแม่น้ำเจ้าพระยา

 

 

แต่รู้ไหมว่าตอนนี้ที่ท่ามหาราชมีสตูดิโอสอนเต้นโลเคชั่นเก๋ไม่เหมือนใครที่ Studio Zoom ชั้นรูฟท็อป เรียกว่าเต้นไปดูท้องฟ้าไปก็ยังได้ นอกจากนี้ยังมีการจัดตลาดนัดสินค้างานคราฟต์ เวิร์กช็อปและของกินจุกจิก ณ Weekend Market ในโซนใหม่ติดแอร์โดยไม่ต้องกลัวฝนด้วยนะ งานนี้จัดทุกวันเสาร์-อาทิตย์เวลา 10:00-21:00น. เลย

 

 

ส่วนถ้าใครสนใจอยากมาชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินในวันที่ฟ้าโปร่งใส สามารถเช่าเรือที่ท่ามหาราชได้ทั้งแบบรายชั่วโมง ครึ่งวัน หรือเต็มวันเลยก็ได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 097-184-4572 นะ

---

 

เนื่องจากเราเป็นคนหนึ่งที่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่บ้าน เลยมักจะตื่นเต้นมากเวลาไปเจอกับร้านแผ่นเสียงเก่าๆ โดยบังเอิญ ส่วนร้านน้อง ท่าพระจันทร์นั้นเป็นเสมือนที่พบกันของคนรักเสียงดนตรี มีคอลเลคชั่นที่ซีดี ดีวีดี แผ่นเสียง และเครื่องเล่นแผ่นเสียงให้เราได้ไปเลือกกันจนเกิดกิเลส

 

 

มีแนวดนตรีให้เลือกหลากหลายมาก จากที่ได้ไปส่องมาก็มีตั้งแต่ Polycat, Basement Tape, Troye Sivan, The 1975 จนไปถึงแผ่นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Sing Street ที่สำคัญถ้าไม่มีเวลาไปเดินตามหาแผ่นที่ต้องการ สามารถติดต่อสั่งซื้อทางร้านก็ได้นะ ทางร้านมีบริการจัดส่งไปรษณีย์ให้ได้เรียบร้อยจ้า

---

 

ยังสนใจชมงานศิลป์รูปแบบใหม่ไม่เหมือนใครกันอยู่หรือเปล่า? แกลเลอรี่ลอยน้ำแห่งแรกในกรุงเทพฯ The Ferry Gallery ก็ยังคงจัดนิทรรศการดีๆ ในรูปแบบอยู่บนเรือข้ามฟากเช่นเคย ให้มองหาเรือที่ชื่อว่า “โพธิ์อรุณ 18” ซึ่งจะวิ่งระหว่างท่าเตียน-ท่าวัดแจ้งตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้าเป็นต้นไป วันสุดท้ายของนิทรรศการปัจจุบัน Arctic is an Eye และ Tide ผลงานวีดิโอของ Katie Turnbell คือวันที่ 30 ก.ค. นี้ เปิดให้ทุกคนเข้าชมได้ฟรีๆ โดยไม่ต้องรู้สึกกดดัน เปิดประสบการณ์ใหม่อยู่เหมือนกันนะ  

 

 

ถ้าพลาดไปก็ไม่ต้องเสียใจนะ เพราะคุณแพรว-กวิตา วัฒนะชยังกูร เจ้าของแกลเลอรี่คนเก่งก็ยังมีนิทรรศการใหม่มาให้พวกเราได้รับชม “Watermelon” โดย Steve Car และ "Domestic Gestures" โดย Tania Smith จะเริ่มฉายตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. 2559  

---

 

อีกหนึ่งทางเลือกที่ชิลกว่าศาลารัตนโกสินทร์ คือ The Deck by Arun Residence นั่นเอง จริงๆ ในช่วงวีคเอนด์เรายังแนะนำให้โทรไปจองก่อนนะ เพราะถึงแม้ว่าอากาศจะไม่ค่อยเป็นใจช่วงนี้ แต่บอกเลยว่าอาหารที่นี่รสชาติดี แถมวิวสวยไม่แพ้ใคร มีทั้งอาหารไทยและอาหารคอมฟอร์ทฟู้ดสไตล์ตะวันตก 

 

 

ช่วงนี้มีโปรโมชั่นฟรีโฟลว์ไวน์บุฟเฟต์ในราคา 795 บาท/คน ระหว่าง 18:00-21:00น. ณ ชั้นดาดฟ้าของร้านตั้งแต่วันนี้-30 ก.ย. 2559 เลย ถ้าขี้เกียจย้ายทัพไปไหนไกลก็นี่แหละ ที่ๆ เหมาะสำหรับไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจ 

 

 

---