Skip to main content
AdSense

ร้าน Coro Harvest กับวัตถุดิบจากฟาร์มของตัวเองในอ.สวนผึ้ง

Farm to Table ตัวจริงเสียงจริง

ร้าน Coro Harvest กับวัตถุดิบจากฟาร์มของตัวเองในอ.สวนผึ้ง
June 10, 2017 Bangkok time
เราว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อหรือเคยไปเยี่ยมเยือน Coro Field สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรไลฟ์สไตล์ ณ สวนผึ้ง ของสองพี่น้อง คุณพีท-พันดนัย และคุณพอท-มิตรดนัย สภาวรมณี ผู้นำเสนอมุมมองใหม่ๆ ผ่านกิจกรรมที่ทำให้เรามองย้อนกลับไปดูวิถีชีวิตของผู้ที่มีอาชีพชาวไร่ ชาวสวนกันมากขึ้น
 
 
วันนี้ Coro Field ได้ขยับเข้ามาใกล้คนเมืองมากขึ้นในรูปแบบของร้านอาหาร Coro Harvest ที่รังสรรค์ด้วยวัตถุดิบสดใหม่ส่งตรงจากฟาร์ม ซึ่งภายในร้านยังคงกลิ่นอายของฟาร์มที่ราชบุรีด้วยบรรยากาศสบายๆ อย่างผนังกระจกรับแสงธรรมชาติ เพดานโครงเหล็กแบบอินดีสเทรียลนิดๆ มีต้นไม้เพิ่มความเขียวสดชื่น ตลอดจนชุดโต๊ะ-เก้าอี้ไม้สีอ่อนถูกจัดวางแบบไม่แออัด และเจ้าโคโรโระคุงที่ยืนยิ้มแย้มต้อนรับทุกคนอยู่หน้าร้าน
 
 

อาหารที่ดีเริ่มต้นจากวัตถุดิบที่ดี

 
"Coro Harvest ก็คือผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมาจาก Coro Field นี่แหละครับ ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกันทั้งหมด" คุณพอท-มิตรดนัยบอกเรา หลายคนอาจจะลืมไปว่าต้นทางของอาหารตรงหน้าก็เป็นส่วนสำคัญของความอร่อย Coro Harvest มีข้อได้เปรียบตรงวัตถุดิบจากฟาร์ม และเกษตรกรที่ใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนแรกสุดก่อนลงดินปลูกไปจนถึงตอนเก็บเกี่ยว โดยปราศจากสารเคมีและยาฆ่าแมลง
 
 
 
Coro Field ถือว่าเป็นต้นแบบฟาร์มเกษตรสไตล์ญี่ปุ่นแห่งแรกๆ ของเมืองไทย สำหรับผลิตผลอันเลื่องชื่อก็คือ "เมลอนฮอกไกโด" ซึ่งเมลอนทั่วไปจะมีค่าความหวานอยู่ที่ 14-15 บริกซ์ (Brix) แต่เมล่อนของที่นี่ทะลุแซงไปถึง 18 บริกซ์ นอกจากนี้ยังมีมะเขือเทศเชอร์รีฮอลแลนด์ มันหวาน และผักสลัดปลูกด้วยน้ำแร่ซึ่งช่วยลดความขมและทำให้ผิวกรอบขึ้นด้วยนะ
 

ความเฮลท์ตี้เป็นโบนัส

 
 
ถ้าใครเคยไปเที่ยวฟาร์มแล้วจะรู้ว่ามีเมนูอาหารเยอะมาก แต่ที่ Coro Harvest ใจกลางกรุงนี้มีเยอะกว่าตั้งสองเท่า! อ๊ะๆ หยุดความคิดไปเลยว่าผักเยอะขนาดนี้จะต้องเป็นอาหารคลีนๆ ลีนๆ แห้งๆ เพราะเมนูมาครบทุกหมวดหมู่ตั้งแต่ออร์เดิร์ฟ อาหารจานหลัก ของหวาน เครื่องดื่ม จนไปถึงไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ คุณพีท-พันดนัยบอกว่าไม่อยากให้เข้าใจผิดว่าที่นี่เสิร์ฟอาหารคลีน แต่อยากให้เรียกว่าเป็นอาหารที่มีความเฮลท์ตี้แฝงอยู่เป็นโบนัสดีกว่า
 
 
เรียกน้ำย่อยด้วยเมนูยอดนิยมอย่างเมลอนคัตสึโอะ (145 บาท) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแตงโมปลาแห้งของโปรดคนไทยเรานี่แหละ ใครจะไปคิดล่ะว่าเมลอนก็เข้ากับของคาวอย่างปลาย่า บวกกับมะเขือเทศเชอร์รี่ ราดด้วยซอสอีกทีคือลงตัวสุดๆ เคล็ดลับคือต้องเริ่มกินจากชิ้นตรงกลาง ลิ้มรสและสูดกลิ่นหอมหวานของเมลอนให้เต็มอิ่ม อีกเมนูเด็ดคือมันม่วงญี่ปุ่นทอด (145 บาท) มันม่วงทอดอุ่นๆ คลุกกับผงปาปริก้า เสิร์ฟพร้อมซอส 3 ฤดู บอกเลยว่าเราฟาดไปถึงสองชุด!
 
 
หิวขึ้นมาจริงจังแล้วใช่ไหมล่ะ? มาตะลุยจานหลักอย่างกับคาโบนาร่าไข่ออนเซ็น (245 บาท) เส้นพาสต้าโฮมเมดที่มีเมลอนเป็นส่วนผสม คลุกเคล้ากับชีส ท็อปด้วยเบคอนและไข่ออนเซ็น หรือจะเป็นแซลมอนย่างซีอิ๊วกระทะร้อน (295 บาท) ที่มีมันม่วงบดสีสวยเคียงข้างมาด้วย
 
 
อีกอย่างที่เราชอบคือโรตีน้ำพริกอ่องมะเขือเทศเชอร์รี (175 บาท) รสชาติเข้มข้นได้อารมณ์เหมือนไปกินที่ภาคเหนือ แต่ถ้าใครอยากกินอะไรง่ายๆ ก็ยังมีข้าวกระเพราหน้าไก่คาราเกะและเห็ด (185 บาท) ไว้เป็นตัวเลือกนะ
 
"ผักของเราคือผักที่เพิ่งเก็บเกี่ยวมาจากฟาร์มจริงๆ ในเวลาไม่ถึง 3 วัน สังเกตได้จากขั้วมะเขือเทศที่ยังอยู่กับลูกอยู่เลย" คุณพอท-มิตรดนัยชี้ให้เราดู
 
 
ตบท้ายด้วยของหวานที่ดีต่อใจสุดๆ อย่างเมลอนและมันหวานลาวา (195 บาท) เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีม เราชอบตัวมันหวานเป็นพิเศษเพราะเนื้ออุ่นๆ กินแล้วอบอวลอยู่ในปาก หม่ำไอศกรีมเย็นๆ ตามก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้อีก อีกเมนูสร้างสรรค์คือเต้าฮวยโฮมเมดมันม่วงญี่ปุ่น (135 บาท) ที่เหมาะอากาศร้อนๆ ของบ้านเรา หรือจะสั่งแค่ซอฟต์เสิร์ฟใส่โคนมากินก็ฟินแล้ว
 
 
อ้อ! มาถึง Coro Harvest แล้วห้ามพลาดเมลอนกับมะเขือเทศเชอร์รีปั่นเชียวนะ เราชอบที่มีไอศกรีมโปะด้านบนของเครื่องดื่มทั้งสอง แต่ถ้าใครไม่ชอบเครื่องดื่มเนื้อแน่นๆ จะหันไปเลือกชามะเขือเทศเชอร์รีแทนก็ได้
 

ความสดใหม่ที่พร้อมกลับบ้านไปด้วย

 
 
 
นอกจากจะนั่งกินที่ร้านได้อย่างสำราญใจแล้ว เรายังสามารถสั่งเครื่องดื่มต่างๆ สลัดกล่องพร้อมทาน อาหารเบ็นโตะ ตลอดจนผลผลิตสดๆ ทั้งเมลอน มะเขือเทศ มันม่วงหวาน และผักสลัดกลับบ้านได้อีกด้วย ถ้าใครเกิดติดใจน้ำสลัดหรือซอสขึ้นมาก็มีขายเป็นขวดอีกเช่นกัน
 
CORO Harvest, ชั้น G, The Esplanade ถ.รัชดาภิเษก เวลาทำการ ทุกวัน 10.00-22.00 น. โทร. 02-660-9341 MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

 

AdSense
AdSense
AdSense