ละเลียดความสุขที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าผ่านกาแฟที่ Invisible Coffee Room

 

เลยเป็นที่มาของร้านกาแฟแห่งนี้ในชื่อ Invisible Coffee Room ซึ่งเสิร์ฟความละเมียดแบบนามธรรมให้กลายมาเป็นรูปธรรมในฟอร์มของแก้วกาแฟและลาเต้อาร์ตระดับเทพ

 

 

"จากสถาปนิกสู่นักทำเครื่องหนัง และมาจบที่บาริสต้าสายลาเต้อาร์ต" นี่คือเรื่องราวโดยย่อของพี่หนุน-ธนะพงษ์ หริรัตน์เสรี หนุ่มนอกอารมณ์ดีที่มีไอเดียการใช้ชีวิตง่ายๆ คือถ้ารู้สึกว่าชอบอะไรก็ไปศึกษามันให้ลึกแล้วลงมือทำ

 

เริ่มตั้งแต่เรียนสายสถาปัตย์ฯ จนไปจบปริญญาโทที่อังกฤษในสาขากราฟฟิคดีไซน์ กระโดดไปศึกษาเรื่องการทำเครื่องหนัง และสุดท้ายเลือกสิ่งที่ตัวเองรักมากที่สุดคือการเป็นบาริสต้า

 

 

ซึ่งความจริงจังของพี่หนุนเริ่มตั้งแต่ลงทุนไปเทคคอร์สเรียนสกิลบาริสต้ามาจากเกาหลีจนได้ใบประกาศนียบัตร SCAE ที่เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้าน Specialty Coffee หลังจากนั้นจึงกลับมาเป็นบาริสต้าฟรีแลนซ์ได้ซักพักจนได้มาเปิดร้านเป็นของตัวเอง

 

 

การดีไซน์ตัวร้านเน้นที่ความโปร่งและการใช้แสงธรรมชาติ เข้าไปแล้วรู้สึกถึงวิถีเซนมากๆ มีความมินิมอลคุมโทนในสีขาว เทา ดำ ทำให้รู้สึกว่าชื่อ Invisible Coffee Room นี่น่าจะเป็นชื่อที่เหมาะที่สุดสำหรับร้านนี้จริงๆ นั่นแหละ

 

 

 

 

 

กับอีกตัวคือ Red&Black Coffee (80 บาท) ที่พี่หนุนเรียกมันว่าเมนูน้ำแดงหางกาแฟ วิธีทำคือเอาน้ำแดงเฮลซ์บลูบอยผสมลงไปกับกาแฟเย็น ทำให้มีรสชาติแปลกออกมาหน่อยเพื่อให้ทานง่ายสำหรับคนที่ไม่คุ้นกับกาแฟ แต่ดุไปแล้วก็คล้ายกับเมนูกาแฟโบราณอย่าง โอเลี้ยงจ้ำบ๊ะ ที่นำโอเลี้ยงมาผสมกับน้ำแดงเหมือนกันนะ

 

ในส่วนของเบเกอรี่ที่ถึงแม้ตอนนี้จะมีขายไม่มาก แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่ามันอร่อยจนแทบอยากจะกราบงามๆ ซักที มีทีเด็ดคือแครอทเค้ก (125 บาท) อัดแน่นด้วยวัตถุดิบที่ชิมแล้วรู้เลยว่าเลือกแต่ของดีมาใช้ เป็นแครอทเค้กหนึ่งในไม่กี่ร้านที่ทำออกมาได้อร่อยลงตัวมากจริงๆ