Skip to main content
AdSense

Photo Essay: #พม่ายังไงก็เป็นพม่า

พม่าเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่อุดมสมบูรณ์ทั้งธรรมชาติและศิลปะวัฒนธรรม เราอยากชวนทุกคนไปลองสัมผัสเสน่ห์ของพม่าผ่าน 11 ไฮไลท์ที่เมื่อเห็นแล้วจะเข้าใจว่า #พม่ายังไงก็เป็นพม่า

โดย รักอิสระ มุกดาม่วง

 

 

Photo Essay: #พม่ายังไงก็เป็นพม่า
April 8, 2016 Bangkok time

1. มหาเจดีย์ชเวดากอง

เจดีย์ชเวดากองคงเปรียบเหมือนศูนย์กลางจิตวิญญาณของชาวพม่า เพราะดูจากจํานวนของชาวพม่าที่มาสักการะเจดีย์ในแต่ละวันแล้วเรียกได้เยอะมากๆ สามารถเข้าชมได้ทั้งกลางวันและกลางคืน (05.00-20.00 น.) มีประตูขึ้นลง 4 ทิศ แต่ถ้าให้แนะนําควรไปตอนเย็นจะได้ไม่ร้อนมาก ค่าเข้าชม 5 ดอลลาร์ และค่ากล้อง 3 ดอลลาร์

→ ย่างกุ้ง

2. พระธาตุอินแขวน

พระธาตุอินแขวนเป็นเจดีย์สีทององค์เล็กๆ ตั้งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่นํ้าหนักราว 600 ตัน ตั้งอยู่บนหน้าผาท้าทายแรงโน้มถ่วงโลกเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าชาวมอญต่างก็เชื่อว่าผู้สร้างจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพระอินทร์ที่นํามาแขวนไว้อย่างหวาดเสียวอย่างเช่นนี้ สามารถไปได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนมากชาวพม่าจะนิยมไปค้างคืน แต่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปตอนเช้า ค่าเข้าชมสถานที่อยู่ที่คนละ 6 ดอลลาร์ และค่ากล้อง 3 ดอลลาร์

→ เมืองโจ๊ก์ไถ่, รัฐมอญ

3. พระมหามัยมุนี

พระมหามัยมุนีถือเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สําคัญของพม่า หากมามัณฑะเลย์แล้วไม่ได้เดินทางมาดูพิธีล้างหน้าพระที่วัดแห่งนี้ถือว่ามาไม่ถึงแน่ๆ ใครอยากเดินทางมาชมก็ควรตื่นเช้าตรู่ เพราะพิธีล้างหน้าพระนั้นเริ่มตั้งแต่ตี 4 วัดปิดเวลา 17.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม

→ มัณฑะเลย์

4. สะพานไม้อูเบ็ง

สะพานไม้แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก มองดูไกลสุดลูกหูลูกตา ไม้ทุกแผ่นที่ประกอบเป็นสะพานเคยเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังอังวะมาก่อน เมื่อมีการย้ายเมืองจึงรื้อไม้จากพระราชวังมาสร้างเป็นสะพานที่มีเสาขนาดใหญ่ประมาณ 1,208 ต้น ไม่มีเวลาเปิดปิดแต่แนะนําว่าควรมาก่อนพระอาทิตย์ตก 1 ชั่วโมง ไม่เสียค่าเข้าชม

→ อมรปุระ, มัณฑะเลย์

5. ทุ่งทะเลเจดีย์ พุกาม

“See Bagan and live.” คือคําพูดที่เป็นจริงเพราะความงามของเจดีย์กว่า 2 พันองค์ซึ่งเรียงรายอยู่บนพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้เป็นหลักฐานชั้นยอด ดูจากภาพแล้วคงเข้าใจว่าทำไมใครต่อใครจึงต้องดั้นด้นมาชมทุ่งทะเลเจดีย์ด้วยตาตัวเอง ที่นี่ไม่มีเวลาเปิดปิด แต่ส่วนมากคนนิยมมาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและมาอีกรอบตอนก่อนพระอาทิตย์ตก (หลังพระอาทิตย์ตกจะมีเจ้าหน้าที่มาไล่) เสียค่าเข้าเมืองพุกามคนละ 20 ดอลลาร์

→ เมืองพุกาม, มัณฑะเลย์

6. ชาวอินทา ทะเลสาบอินเล

เอกลักษณ์ของชาวประมงอินทาคือการใช้เท้าหนีบพายเรือขณะที่มือก็เหวี่ยงแหหรือใช้สุ่มดักปลา เมื่อเราเดินทางมาเที่ยวทะเลสาบอินเลจะมีชาวประมงส่วนหนึ่งแต่งตัวมาโชว์ท่าทางการใช้เท้าพายเรือเพื่อให้เราถ่ายรูป แลกกับค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆ แนะนําให้ซื้อโปรแกรมทัวร์ One day trip มีขายทั่วเมือง สามารถเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงพระอาทิตย์ตก

→ อินเล, รัฐฉาน

7. สวนผักลอยนํ้าของชาวอินทา

สวนผักลอยนํ้าคือความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของชาวอินทา การทําเกษตรกรรมกลางทะเลสาบถือเป็นภูมิปัญญาของชาวอินทาโบราณที่สามารถเอาชนะธรรมชาติที่ไม่เอื้ออํานวยได้ ผักเศรษฐกิจของชาวอินทาคือมะเขือเทศซึ่งมีรสหวานราวกับผลไม้ สามารถเที่ยวชมได้ทั้งวันตามโปรแกรม one day trip

→ อินเล, รัฐฉาน

8. ตลาดอินเทียน

ตลาดนี้ตั้งอยู่ที่ทะเลสาบอินเล สามารถเดินทางมาได้โดยรถยนต์ แต่การล่องเรือมาจะทําให้ได้บรรยากาศความเป็นอินเลมากกว่า เพราะระหว่างทางเราจะเห็นวิถีชีวิตของชาวอินทาที่บ้านเรือนอยู่ริมนํ้า ตลาดแห่งนี้ขายพวกอาหาร ผัก และผลไม้พื้นบ้าน ตลอดจนถึงขนมพื้นบ้านที่สะอาดและน่ากิน สามารถเที่ยวชมได้ทั้งวันตามโปรแกรม one day trip

→ อินเล, รัฐฉาน

9. ก๊กเทกเวียดัค (Gokteik Viaduct)

สะพานรถไฟนี้ตั้งอยู่ในเขตรัฐฉาน ไฮไลท์ของเส้นทางระหว่างมัณฑะเลย์-ลาเชียวอยู่ที่สะพานรางเหล็กข้ามหุบเหวสูงแสนหวาดเสียว เป็นสะพานรถไฟที่สูงที่สุดในพม่าและสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ถ้าลองมองไปข้างล่างขนาดรถไฟข้ามสะพานอาจทําหัวใจหวิวเป็นได้ หากนั่งรถไฟจากเมืองมัณฑะเลย์หรือพินอูลวินจะมาถึงสะพานประมาณบ่าย 2 โมง

→ รัฐฉาน

10. พระราชวังฉาน

ความพิเศษของพระราชวังที่เห็นอยู่ข้างหน้าไม่ใช่เรื่องความสวยงามของตัวสิ่งก่อสร้าง แต่สิ่งที่เป็นตํานานความรักที่สวยงามแต่ดูโหดร้ายขมขื่นของเจ้าจาแสงเจ้าฟ้าแห่งรัฐฉานกับหญิงสาวชาวออสเตรีย ทั้งสองแต่งงานกันแล้วอยู่ดีๆ เจ้าจาแสงก็หายตัวไปโดยไปอย่างลึกลับโดยไม่มีใครทราบจากการทำรัฐประหารของนายพลเนวิน ตํานานความรักของเจ้าจาแสงได้โด่งดังออกไปจนกลายเป็นหนังสือ สิ้นแสงฉาน เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมาเมืองนี้เพื่อดูสถานที่อันเป็นตํานานรักดั่งที่เคยอ่านเจอในหนังสือ การเข้าชมขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้าน ถ้าเจ้าของบ้านอยู่เราก็สามารถเข้าไปได้เลยไม่เสียเข้าค่าชม

→ เมืองสีป้อ, รัฐฉาน

11. หมู่บ้านฉานหรือหมู่บ้านชาวไทใหญ่

หมู่บ้านของชาวไทใหญ่จะคล้ายกับบ้านที่ต่างจังหวัดของคนไทย แต่สิ่งที่แตกต่างคือความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย และถึงแม้ว่าชาวไทใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่ก็จะยิ้มแย้มให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี สําหรับใครสนใจอยากจะเที่ยวชมหมู่บ้านนี้ สามารถติดต่อสอบถามโปรแกรมล่องเรือเที่ยวหมู่บ้านริมสองฝั่งแม่นํ้าดัคทาวดีได้ที่ mr. charles hostel

→ เมืองสีป้อ, รัฐฉาน

 
ติดตามเรื่องราวดีๆ จากพวกเราได้ทาง facebook นะ :)
AdSense
AdSense
AdSense